นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากการประเมินดีมานด์ของการท่องเที่ยวปี 66 เชื่อว่าภาคท่องเที่ยวจะสามารถพยุงเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้ คาดทั้งปีมีลุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติแตะ 30 ล้านคน หรือหากลดลงมาเชื่อว่าไม่ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 25 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทยเที่ยวไทย 117-135 ล้านคน/ครั้ง โดยภาคท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้ประเทศ 80% ของรายได้ท่องเที่ยวในปี 62 หรือ มีรายได้ประมาณ 2.38 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ 6 เดือนแรกปี 66 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้วประมาณ 12.87 ล้านคน ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตลอดทั้งปี จะสามารถเพิ่มขึ้นไปถึง 30 ล้านคนได้หรือไม่ เบื้องต้น ททท. ได้ประเมินบรรยากาศการท่องเที่ยวและดูยอดจองล่วงหน้าร่วมกับภาคเอกชนเชื่อว่าจากนี้ต่อไปถึงสิ้นปี จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้าไทยได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 2 ล้านคน และหากไตรมาสสุดท้ายของปี มีจำนวนนักท่องเที่ยว 3 ล้านคนต่อไป เป้าหมาย 30 ล้านคน คงอยู่ไม่ไกล
“ตลอดทั้งปีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน แต่จะถึง 30 ล้านคนหรือไม่ ต้องดูว่าเดือน ต.คคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66 เพราะเป็นช่วงวันชาติของจีน และเป็นเริ่มต้นฤดูหนาว สำหรับนักท่องเที่ยวตะวันตก แต่ที่ผ่านมาตลอด 6 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป คือเดินทางเที่ยวไทยโดยมีวันพักเพิ่มขึ้น จึงเชื่อว่ารายได้โดยรวมจะเพิ่มขึ้น และสามารถพยุงเศรษฐกิจ ในช่วงที่การส่งออกในปีนี้ติดลบ”คำพูดจาก สล็อตออนไลน์
รายงานข่าวจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ครึ่งปีแรกของปี 66 (ม.ค.-มิ.ย.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 63.5% เทียบก่อนการระบาดของโควิด-19 และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างาติ ได้แก่ มาเลเซีย จีน อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม คิดเป็น 48.6% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด
ทั้งนี้ กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬายังคงเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 27.39 ล้านคน คาดการณ์ว่าเดือน ก.ค. 66 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.29 ล้านคน จากปัจจัยต่าง ๆ ที่ยังคงสัญญาณที่ดีต่อการเติบโตของนักท่องเที่ยวบรรยากาศ การท่องเที่ยวโลกยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ในบริเวณพื้นที่ทะเลจีนใต้ ตลอดจนความไม่แน่นอนของการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่อาจจะยกระดับความรุนแรงขึ้น